วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ไฟตัดหมอก ไฟเดย์ไลท์ ตีจูเอี๊ยะ


พักหลังๆมานี้ เวลาขับรถตอนกลางคืนจะได้เห็นอะไรแปลกๆ ซึ่งจะขอเล่าไล่เรียงมาเป็นยุคๆเลยดีกว่า

ยุคแรก
จะพบไฟหน้าสูงข้างต่ำข้าง แบบปกติแล้วไฟข้างซ้าย(เมื่อนั่งอยู่ในรถ)จะสูงและกว้างกว่าไฟข้างขวา ซึ่งมันไม่ได้ก่อให้เกิดความรำคาญอะไรมากนัก เพราะอีข้างที่มันไม่สูง มันไม่ได้ส่องมาเข้าตารถคันที่ขับสวน แต่!!! ไม่รู้ผีห่าซาตานอะไรเข้าสิง พี่ๆเลยไปดัดแปลงให้ข้างขวาสูงกว่าข้างซ้าย ประหนึ่งว่าตูขับข้างนี้ ไฟข้างนี้ก็ต้องสูง ตูจะได้เห็นชัดๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง (คนอื่นตาพร่าชั่งหัวพวกมัน ?!?!?!?!)
หรือบางทีอาจจะมาจากการนำโคมไฟหน้าของรถรุ่นเดียวกันแต่ต่างประเทศมาใช้งาน ซึ่งก็บังเอิญว่าเป็นประเทศที่ขับรถพวงมาลัยซ้าย

ยุคต่อมา
ไฟหน้าหลากสี เนื่องด้วยความเบื่อหน่ายหรืออะไรไม่ทราบ แต่มีผู้เป็นเจ้าของรถหลายคนจัดแจงเปลี่ยนไฟหน้าให้เป็นสีต่างๆ ตั้งแต่สีรุ้ง สีเขียว สีแดง สีม่วง สีชมพู ฯลฯ ซึ่งเป็นการรบกวนสายตาอย่างมาก ยุคนี้จะเป็นการใช้หลอดไฟสี หรือไม่ก็ติดฟิล์มสีๆที่โคมไฟ
ยุคนี้มีการใช้หลอด LED หลากสีมาประดับรถกันมาก จะบอกว่าที่อยู่บนรถคันใหญ่ๆอย่างหกล้อสิบล้อรถบัสนั้นมีประโยชน์มาก ทำให้เรารู้ความสูงและความกว้างของรถ เวลาขับเร็วๆเราจะกะระยะได้ง่ายมาก
แต่กับรถยนต์นั่งหรือรถกระบะบางคันท่านติดเยอะมากกกกกกก ประหนึ่งตีจูเอี๊ยะก็ไม่ปาน ท่านเจ้าของรถคงเป็นบุคคลที่นับถือเจ้าที่เจ้าทาง ...สาธุ

ยุคที่สาม
ไฟซีน่อน และไฟตัดหมอก เป็นยุคที่เทคโนโลยีไฟหน้ามาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ จากหลอดฮาโลเจน เป็นหลอดซีนอน ซึ่งการทำงานต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลอดซีน่อนกินไฟน้อยกว่าแต่สว่างมากกว่าหรือเท่าๆเดิม การดัดแปลงโคมเดิมมาใช้กับหลอดซีน่อนจะทำให้ลักษณะการกระเจิงของแสงผิดไปจากเดิม และแยงตาชาวบ้านอย่างร้ายแรง มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งพวกชอบเปิดไฟตัดหมอกเรี่ยราดเพราะ ไฟตัดหมอกจะไม่มีโฟกัส มันจะกระจายไปหมด เพื่อให้รถคันที่ขับสวนมามองเห็นในสภาพอากาศเลวร้ายสุดๆหมอกควันหรือฝนตกหนักมาก... ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการขับตอนกลางคืนซักเท่าไหร่ ไม่รู้จะติดกันทำไม ติดให้โคตรพ่อโคตรแม่บรรพบุรุษของพี่ๆในปรโลก ลุกขึ้นมาเต้นแจ๊สแดนซ์หรือไงก็ไม่ทราบ
เพลีย!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น